จัดการความเสี่ยง: ลงทุน Forex อย่างไรให้ปลอดภัย

จัดการความเสี่ยง: ลงทุน Forex อย่างไรให้ปลอดภัย

การลงทุนในทุกรูปแบบนั้นทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเสี่ยงต่อการขาดทุน เสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาส รวมไปถึงเสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง ดังนั้น หากใครนิยามตัวเองว่าเป็นนักลงทุนแล้วก็ต้องมีวิธีจัดการความเสี่ยงติดตัวไว้เสมอ โดยเฉพาะนักลงทุนใน Forex ที่ตลาดสกุลเงินดูจะผันผวนหนักกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงของนักลงทุน Forex นั้นก็ยิ่งต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

ทำไมต้องจัดการความเสี่ยงในการลงทุน Forex

  • ตลาด Forex นั้นมีความผันผวนสูง การจัดการความเสี่ยงช่วยลดโอกาสสูญเสียเงินทุนจำนวนมากของเทรดเดอร์
  • การจัดการความเสี่ยงช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานของกลยุทธ์ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
  • การจัดการความเสี่ยงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเทรดต่อไปได้ในระยะยาว เพราะมีการบริหารเงินทุนที่ดี
  • การรู้ว่ามีแผนจัดการความเสี่ยงที่ดี ช่วยให้เทรดเดอร์มีความมั่นใจในการเทรดมากขึ้นและรู้สึกปลอดภัยในการเทรดมากกว่า

ปัจจัยการลงทุน Forex ให้ปลอดภัย

ก่อนที่เทรดเดอร์จะมีแผนการจัดการความเสี่ยงนั้น เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้การลงทุนใน Forex นั้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และด้วยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้การจัดการความเสี่ยงมีความชัดเจนและมั่นคงกว่าเดิม

ทำความเข้าใจตลาด Forex

  • เทรดเดอร์ต้องทำความเข้าใจกับการลงทุนของตัวเอง ทั้งนี้ตลาด Forex นั้นคือการลงทุนซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีความผันผวนสูงมาก
  • ราคาสกุลเงินจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานในตลาด หากความต้องการสกุลเงินใดๆ มากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้น และในทางกลับกันหากความต้องการในสกุลเงินลดลง ราคาก็จะต่ำลง
  • ปัจจัยที่ทำให้ราคาค่าเงินเปลี่ยนแปลงไปก็มีหลายปัจจัย เช่น
  • การกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
  • สภาพเศรษฐกิจของประเทศสกุลเงินนั้นๆ
  • เหตุการณ์ทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง

กำหนดแผนการเทรดให้ชัดเจน

  • เมื่อทำการวิเคราะห์ตลาดแล้วเทรดเดอร์ควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ตัวอย่างกลยุทธ์
  • เทรดตามเทรนด์
  • สวนเทรนด์
  • เทรดตามข่าวสาร
  • เทรดแบบใช้เทคนิค ฯลฯ
  • ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว กำหนดจุดเข้าซื้อหรือขาย โดยใช้กลยุทธ์ที่เลือกไว้
  • กำหนดจุดตัดขาดทุน เพื่อจำกัดความเสี่ยงกำหนดจุดทำกำไร เพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่มีความโลภหรืออารมณ์มาเกี่ยวข้องในการเทรด
  • ตัวอย่างการวางแผนการเทรด:
  • กลยุทธ์: เทรนด์ระยะสั้น
  • เป้าหมาย: ทำกำไร 10% ต่อเดือน
  • จุดเข้า: ซื้อเมื่อราคา breakout แนวต้าน
  • จุดออก: ขายเมื่อราคา break ลงแนวรับ หรือ Stop Loss 5%
  • ระดับความเสี่ยง: 1% ต่อการเทรด

ตัวอย่างการวางแผนการเทรด

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์

  • การใช้เครื่องวิเคราะห์เป็นตัวช่วยนั้นทำให้เทรดเดอร์ Forex สามารถวิเคราะห์ตลาด คาดการณ์แนวโน้มและตัดสินใจซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • วิเคราะห์และคาดการณ์จากข้อมูลราคาในอดีต รูปแบบกราฟ และดัชนีชี้วัด
  • ตัวอย่างเครื่องมือ กราฟแท่ง กราฟแท่งเทียน เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ MACD RSI Ichimoku Kinko Hyo
  • วิเคราะห์จากปัจจัยเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีผลต่อตลาด
  • ตัวอย่างเครื่องมือ: อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขเศรษฐกิจ ข่าวสาร รายงานการวิเคราะห์
  • สิ่งสำคัญคือไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือวิเคราะห์เพียงอย่างเดียว ควรใช้ปัจจัยการวิเคราะห์หลายๆ อย่างควบคู่กัน

บริหารเงินทุน

  • การจัดการความเสี่ยงที่สำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่น ก็คือการบริหารเงินทุน หากเทรดเดอร์มีทักษะการเทรดที่เก่งแค่ไหนแต่การบริหารเงินทุนแย่ ก็มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินได้เช่นกัน
  • ควรกำหนดจำนวนเงินที่เหมาะสมสำหรับการเทรดไม่ควรใช้เงินทั้งหมดลงทุนและแบ่งเงินทุนสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง
  • กำหนดจุดตัดขาดทุนสำหรับการเทรดแต่ละครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง วางจุดตัดขาดทุนตามกลยุทธ์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่ยอมสูญเสียต่อการเทรดแต่ละครั้งโดยอาจจะใช้เครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น Position Sizing

ตัวอย่างการบริหารเงินทุน

ควบคุมอารมณ์

  • ฝึกควบคุมความคิด ไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ทำความเข้าใจต่อการเทรดเสมอว่าการขาดทุนหรือได้กำไร เป็นเรื่องปกติ
  • ปฏิบัติตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัดไม่เปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ หรืออาจจะมีการบันทึกรายการการเทรด วิเคราะห์จุดผิดพลาดเพื่อพัฒนากลยุทธ์
  • ฝึกมองภาพรวมของผลลัพธ์การเทรดในมุมมองกว้างๆ เพื่อไม่ให้จดจ่อกับการขาดทุนเล็กๆ ในบางครั้งซึ่งอาจจะส่งผลต่ออารมณ์ของเรา

ใช้บัญชีทดลองฝึกฝนจนชำนาญ

  • การรีบร้อนเข้าสู่ตลาด Forex เพื่อหวังกำไรในเวลาอันรวดเร็วนั้น ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่แย่มากๆ เนื่องจากความเสี่ยงต่อการขาดทุนจะสูงมากเป็นพิเศษ
  • การขาดความเข้าใจและการฝึกฝนเทรดนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้เทรดเดอร์แบกรับความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ดังนั้นเทรดเดอร์ควรใช้บัญชีทดลองในการฝึกฝนเทรดก่อนลงสนามจริง
  • และนักลงทุนสามารถทดสอบระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Expert Advisors บนบัญชีทดลองก่อนใช้งานจริง สำหรับใครที่ถนัดในการใช้ตัวช่วยเทรด
  • ฝึกฝน ทดสอบกลยุทธ์ หาข้อผิดพลาดแล้วแก้ไข ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บนบัญชีทดลอง จนเทรดเดอร์มีระบบการเทรดของตัวเองที่มั่นคง

เลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้

  • ความเสี่ยงที่มานอกเหนือจากการเทรดก็คือ ความเสี่ยงที่เทรดเดอร์เจอกับโบรกเกอร์ที่ไม่มีคุณภาพหรือโบรกเกอร์ที่ฉ้อโกง
  • ดังนั้นการเลือกใช้โบรกเกอร์ที่ดี มีคุณภาพและความปลอดภัย ถือว่าเป็นวิธีจัดการความเสี่ยงอีกรูปแบบหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
  • เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น
  • Financial Conduct Authority (FCA)
  • Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
  • Australian Securities and Investments Commission (ASIC)
  • ตรวจสอบข้อมูลของโบรกเกอร์ที่เลือกใช้บริการให้ละเอียดทั้ง ประวัติ ชื่อเสียง และรีวิวจากผู้ใช้จริง
  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมและสเปรดที่แข่งขันได้ เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม สเปรด และค่าบริการต่างๆ ของโบรกเกอร์แต่ละราย เพื่อหาโบรกเกอร์ที่คุ้มค่าที่สุด
  • เทรดเดอร์ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการบริการลูกค้าที่ดี รวดเร็ว และช่วยเหลือได้ครบทุกเรื่อง ซึ่งจะทำให้ปัญหาที่พบเจอถูกแก้ไขโดยง่าย

รายชื่อโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ

ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบัน

  • เทรดเดอร์ควรฝึกวินัยและปรับพฤติกรรมในการติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับรู้ข้อมูลสำคัญที่ส่งผลต่อตลาด Forex จะช่วยจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของสกุลเงินได้
  • แหล่งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ควรติดตาม
  • เว็บไซต์ข่าวการเงิน: เช่น Reuters Bloomberg CNBC และ Investing.com
  • เว็บไซต์ของธนาคารกลาง: เช่น Federal Reserve Bank of England และ Bank of Japan
  • นักวิเคราะห์การเงิน: ติดตามบทวิเคราะห์ ความคิดเห็น และคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียง
  • ประเภทของข่าวสารที่ควรติดตาม
  • ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: เช่น GDP อัตราเงินเฟ้อ ตัวเลขการค้า และตัวเลขการจ้างงาน
  • นโยบายการเงิน: การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย และมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
  • เหตุการณ์ทางการเมือง: การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และความตึงเครียดทางการเมือง

เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

  • ตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนส่งผลต่อตลาด เทรดเดอร์ที่เรียนรู้อยู่ในทุกๆ วันก็จะมีความได้เปรียบ
  • แพลตฟอร์มการเทรด เครื่องมือวิเคราะห์และกลยุทธ์ใหม่ๆ ถูกพัฒนาขึ้นอยู่เสมอ เทรดเดอร์ที่ไม่เรียนรู้ก็จะตามหลังเทรดเดอร์รายอื่น อาจะเสียโอกาสได้ง่ายๆ

สรุป

การจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เทรดเดอร์ควรมีติดตัวถ้าคิดจะมีการลงทุนในตลาด Forex ซึ่งองค์ประกอบที่เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงในการจัดการและควบคุมก็มีหลายอย่างเช่น การเข้าใจในตลาด Forex อย่างถ่องแท้ การมีความรู้ในการใช้เครื่องมือเทรด การบริหารจัดการเงินทุนให้เป็นไปตามแผน การเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย เป็นต้น โดยทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นนั้น เทรดเดอร์มืออาชีพแต่ละคนอาจจะมีการจัดการความเสี่ยงไม่ครบทุกข้อแต่อย่างน้อยเมื่อได้รับรู้แล้ว ก็หวังว่าเทรดเดอร์จะเริ่มมีความคิดที่จะจัดการรับมือกับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *