10 รูปแบบเทคนิคการเทรดยอดนิยม

การเทรด Forex นั้นอย่างที่ทราบกันดีว่า เทรดเดอร์แต่ละคนมีรูปแบบและเทคนิคการเทรดที่แตกต่างกันออกไป บางคนเทรดตามนิคแบบ 100% ใช้การอ่านหราฟและเครื่องมือวิเคราะห์ บางคนอาจจะเทรดตามข่าว เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีสิ่งไหนผิดหรือถูก เพราะมันขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล

ในส่วนนี้เราจะนำเสนอ 10 รูปแบบเทคนิคการเทรดยอดนิยมของเทรดเดอร์ ว่าส่วนใหญ่แล้วนิยมเทรดด้วยเทคนิคหรือเครื่องมือแบบไหนกันบ้าง

รูปแบบกราฟแท่งเทียน

Engulfing Bullish

• นี่คือรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงโอกาส การกลับตัวของราคาจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น
• ลักษณะของรูปแบบนี้คือ แท่งเทียนแท่งล่าสุดจะมีขนาด ใหญ่กว่า แท่งเทียนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
• โดยจะครอบคลุมช่วงราคาทั้งหมด ของแท่งเทียนก่อนหน้า
• ราคาสามารถปิดเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงว่าแรงซื้อสามารถเอาชนะแรงขายได้

Engulfing Bearish

• รูปแบบแท่งเทียนที่ตรงกันข้ามกับ Engulfing Bullish บ่งบอกถึงโอกาสการกลับตัวของราคาจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
• แท่งเทียนแท่งล่าสุดจะมีขนาด ใหญ่กว่า แท่งเทียนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และ ครอบคลุมช่วงราคาทั้งหมด ของแท่งเทียนก่อนหน้า

ภาพนี้แสดงรูปแบบ Engulfing ซึ่งเป็น Price Pattern แบบ Engulfing เป็นรูปแบบการกลับตัวของราคา เทรดเดอร์นิยมที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

Morning Star

• รูปแบบแท่งเทียน 3 แท่งที่ส่วนมากมักจะปรากฏในตอนท้ายของแนวโน้มขาลง
• บ่งบอกถึง โอกาสการกลับตัวของราคาจากขาลงเป็นขาขึ้น
• การสังเกตลักษณะของรูปแบบ Morning Star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน ดังนี้:
  • แท่งเทียนแท่งแรก: เป็นแท่งเทียนสีแดง (ขาลง) แสดงถึงแรงขายที่ยังคงมีอยู่
  • แท่งเทียนแท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนสีอะไรก็ได้ แต่แท่งเทียนนี้จะมีลักษระเป็นแบบ Doji (เขียว หรือ แดง) แสดงถึงภาวะลังเลของตลาด
  • แท่งเทียนแท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนสีเขียว (ขาขึ้น) ขนาดยาวกว่าแท่งแรก ปิดเหนือจุดต่ำสุดของแท่งแรกอย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงแรงซื้อที่กลับมา

Evening Star

• รูปแบบแท่งเทียน 3 แท่งที่ปรากฏ ในตอนท้ายของแนวโน้มขาขึ้น ตรงกันข้ามกับ Morning Star
• บ่งบอกถึง โอกาสการกลับตัวของราคาจากขาขึ้นเป็นขาลง
• ลักษณะของรูปแบบ Evening Star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน ดังนี้
  • แท่งเทียนแท่งแรก: เป็นแท่งเทียนสีเขียว (ขาขึ้น) แสดงถึงแรงซื้อที่ผลักดันราคาสูงขึ้น
  • แท่งเทียนแท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนสีอะไรก็ได้ แต่เป็นลักษณะแบบ Doji (เขียว หรือ แดง) ขนาดเล็กกว่าแท่งแรก แสดงถึงภาวะลังเลของตลาด
  • แท่งเทียนแท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนสีแดง (ขาลง) ขนาดยาวกว่าแท่งแรก ปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดของแท่งแรกอย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงแรงขายที่กลับมาเพิ่มมากขึ้น

Morning Star และ Evening Star ซึ่งเป็นรูปแบบการกลับตัวของราคา โดยประกอบด้วยแท่งเทียน 3 อัน และยังบ่งบอกถึง “การเปลี่ยนแปลง” ของ “โมเมนตัม” ในตลาด Forex

รูปแบบการลากเส้นแนวโน้ม

แนวโน้มขาขึ้น

• เป็นแนวโน้มที่แสดงถึงทิศทางของราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• ข้อสังเกตคือ ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ อยู่เสมอ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง รวมไปถึง จุดต่ำสุดของราคา สูงขึ้น อยู่เสมอ
• กลยุทธ์การเทรดในแนวโน้มขาขึ้น:
  • ซื้อตอนราคา breakout: ซื้อสินทรัพย์เมื่อราคา ทะลุ แนวต้านสำคัญ
  • ซื้อตามแนวโน้ม: หลังจากตีเส้นแนวโน้ม เข้าซื้อเพิ่มเติมเมื่อราคาอยู่ที่จุดพักตัวพร้อมจะขึ้นต่อ
  • จุดพักตัวคือจุดตัดของแนวเส้นที่เราทำการตีแนวโน้มขึ้นมามักเป็นจุดสำคัญที่มีนัยยะ

รูปภาพนี้แสดงตัวอย่าง “แนวโน้มขาขึ้น” (Uptrend) ในตลาด Forex โดยใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ประกอบกับเส้นแนวโน้ม (Trendline) เพื่อยืนยันแนวโน้มและหาจังหวะในการเข้าซื้อ (Buy)

แนวโน้มขาลง

• แนวโน้มที่บ่งบอกถึง ทิศทางของราคาที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
• ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ อยู่เสมอ แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง รวมไปถึง จุดสูงสุดของราคา ต่ำลง อยู่เสมอ แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนแอ
• กลยุทธ์การเทรดในแนวโน้มขาลง:
  • ขายตอนราคา breakout: ขายสินทรัพย์เมื่อราคา ทะลุ แนวรับสำคัญ
  • ขายตามแนวโน้ม: ตามเส้นแนวโน้ม เข้าทำการขายสกุลเงินเมื่อราคาถึงจุดพักตัว และทำสัญญาณลงต่อ
  • จุดพักตัวคือจุดตัดของแนวเส้นที่เราทำการตีแนวโน้มขึ้นมามักเป็นจุดสำคัญที่มีนัยยะ

รูปภาพนี้แสดงตัวอย่าง “แนวโน้มขาลง” (Downtrend) ในตลาด Forex โดยใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ประกอบกับเส้นแนวโน้ม (Trendline) เพื่อยืนยันแนวโน้มและหาจังหวะในการเข้าขาย (Sell)

แนวรับแนวต้าน

• คือ แนวต้านทานของราคา บ่งบอกถึง จุดหรือช่วงที่ราคา มีแนวโน้มที่จะ หยุดลง หรือ กลับตัว
• เทรดเดอร์บางคนใช้แค่แนวรับแนวต้าน ในการเทรดทำกำไรระยะยาว
• แนวรับ (Support): ระดับราคาที่คาดว่าจะมี แรงซื้อ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ป้องกัน ไม่ให้ราคา ลงต่อ
• แนวต้าน (Resistance): ระดับราคาที่คาดว่าจะมี แรงขาย เข้ามาเป็นจำนวนมาก ต้านทาน ไม่ให้ราคา ขึ้นต่อ
• หลักการในการกำหนด แนวรับ-แนวต้าน คือ วิเคราะห์จาก กราฟราคา โดยพิจารณา จุดต่ำสุด และ จุดสูงสุด ในอดีต
• อาจจะใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม Fibonacci Retracement Moving Average ร่วมในการพิจารณาด้วย

แนวรับ-แนวต้าน คือ จุดที่มีนัยสำคัญของราคาทั้งขาขึ้นและขาลง สังเกตุได้จาก เส้นที่กราฟราคามาแตะแล้วเกิดการเด้งกลับ ทั้งขึ้นและลง) แต่ถ้าหากกราฟราคาทะลุแนวรับนแวต้านไปได้ ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะไปต่อ

รูปแบบการบีบตัวของกราฟ

Triangle

• คือรูปแบบกราฟสามเหลี่ยม เปรียบเสมือน ช่วงพักตัว ของราคา ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นก่อนการ breakout ของราคา
• ลักษณะกราฟแบบนี้บ่งบอกถึง แรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น และ ความผันผวนของราคาที่ลดลง
• การสังเกตลักษณะสำคัญของรูปแบบ Triangle มี 3 แบบ ดังนี้
  • Ascending Triangle: ฐานล่างขนานกับแนวโน้มขาขึ้น ยอดแหลมชี้ขึ้น บ่งบอกถึงโอกาส breakout ขึ้น
  • Descending Triangle: ฐานบนขนานกับแนวโน้มขาลง ยอดแหลมชี้ลง บ่งบอกถึงโอกาส breakout ลง
  • Symmetrical Triangle: ฐานทั้งบนและล่างขนานกัน ยอดแหลมอยู่กึ่งกลาง บ่งบอกถึงโอกาส breakout ทั้งขึ้นและลง

Flag

• เป็นรูปแบบกราฟที่คล้ายกับ Triangle แต่มีแนวโน้มที่ชัดเจนกว่า
• กราฟในลักษณะนี้มักบ่งบอกถึง โอกาสของการ breakout ในทิศทางเดิมของแนวโน้ม
• ความแตกต่างที่แยกชัดเจนระหว่าง Triangle กับ Flag ก็คือ กราฟของ Flag จะบีบตัวทำมุม 3 เหลี่ยมได้แคบกว่า Triangle ที่มีแนวเส้นตรงชัดเจน
• ลักษณะสำคัญของ Flag:
  • เสาธง: แท่งเทียนขนาดใหญ่ แสดงถึง การเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว ในช่วงก่อนหน้า
  • ใบธง: กรอบราคาที่แคบลง แสดงถึง ช่วงพักตัว ของราคา
• ประเภทของ Flag:
  • Bull Flag: กราฟลักษระนี้จะเกิดในแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกถึงโอกาส breakout ขึ้น
  • Bear Flag: กราฟจะเกิดขึ้นแนวโน้มขาลง บ่งบอกถึงโอกาส breakout ลง

กราฟแพทเทิร์นรูปธงและสามเหลี่ยม เป็นเมือนการบ่งบอกถึงการรอเวลาที่กราฟจะเลือกทาง ยิ่งกราฟทำมุมแคบลงก็ยิ่งบ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาเตรียมตัวหลุดออกจากกรอบ

เทคนิคอินดิเคเตอร์

MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence

เป็นอินดิเคเตอร์ยอดนิยมที่ใช้ วัดโมเมนตัมและทิศทางของราคา

• องค์ประกอบของ MACD คือจะมีเส้นสองเส้น เรียกว่า เส้น MACD และ เส้นสัญญาณ
• จุดสังเกตและรูปแบบการใช้งานคือ
• หากเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ: กำลังบ่งบอกถึง โมเมนตัมขาขึ้น เป็น สัญญาณแรงซื้อจากนักลงทุน
• หากเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นสัญญาณ: แสดงว่ากำลังบ่งบอกถึง โมเมนตัมขาลง เป็น สัญญาณแรงขายจากนักลงทุน
• ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ยิ่งเส้น MACD และเส้นสัญญาณ ห่างกันมากขึ้น บ่งบอกถึง โมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ของแรงซื้อ-ขาย
• กลยุทธ์การเทรด MACD แบบกว้างๆ มีด้วยกัน 3 แบบ
  • กลยุทธ์ Crossovers
  • กลยุทธ์ Divergence
  • กลยุทธ์ MACD Histogram

“สัญญาณเตือนการกลับตัวของราคา” โดยใช้ Indicator ชื่อ MACD (Moving Average Convergence Divergence) MACD ทำ Lower High แสดงว่า “โมเมนตัม” กำลัง “อ่อนแรงลง” เกิด “ความแตกต่าง” (Divergence) ระหว่าง “ราคา” และ “Indicator”

จากตัวอย่างในรูปภาพคือ รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อ ราคา ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ MACD ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ตามได้ เปรียบเสมือน สัญญาณเตือน ของการกลับตัว

RSI หรือ Relative Strength Index

• อินดิเคเตอร์ตัวนี้ใช้ วัดระดับแรงซื้อและแรงขาย
• สามารถระบุภาวะ oversold และ overbought ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ที่มาของ RSI เกิดจากการคำนวณ อัตราส่วนระหว่าง แรงขึ้นของราคาเฉลี่ย กับ แรงลงของราคาเฉลี่ย ในกรอบเวลาที่กำหนด
  • ค่า RSI อยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยจะแสดงเป็นกราฟเส้น
  • ค่า RSI สูง บ่งบอกถึง แรงซื้อที่แข็งแกร่ง
  • ค่า RSI ต่ำ บ่งบอกถึง แรงขายที่แข็งแกร่ง
• หลักการทำความเข้าใจ RSI
  • RSI > 70: Overbought: หมายความว่าสินทรัพย์นั้นมี ราคา ที่ สูงเกินไป มีโอกาสปรับฐานหรือ กลับตัวลง
  • RSI < 30: Oversold: หมายความว่าสินทรัพย์นั้นมี ราคา ที่ ต่ำเกินไป มีโอกาส รีบาวน์ หรือ กลับตัวขึ้น
• กลยุทธ์การเทรด RSI:
  • กลยุทธ์ Crossover
  • กลยุทธ์ Divergence
  • กลยุทธ์ RSI Momentum

การใช้ Indicator ชื่อ RSI (Relative Strength Index) เพื่อหาจังหวะในการเข้าซื้อ (Buy) ในตลาด Forex ซึ่งในรูปภาพ แสดงสัญญาณซื้อ (Buy Signal) โดย RSI อยู่ในโซน Oversold

สรุป

จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า 10 รูปแบบเทคนิคการเทรดยอดนิยมของเทรดเดอร์นั้น แบ่งออกเป็น รูปแบบเทคนิคการอ่านแท่งเทียน , รูปแบบการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด , รูปแบบการอ่านพฤติกรรมของกราฟ , การใช้เทคจากเครื่องมืออินดิเคเตอร์ ซึ่งทั้งหมดอาจจะไม่ใช่เทคนิคการเทรดทั้งหมดในตลาด Forex

อย่างที่ทราบกันดีว่าในตลาด Forex นั้น มีรูปแบบการทำกำไรที่มากมาย รวมถึงรูปแบบการลงทุนโดยที่ไม่จำเป็นต้องเทรดด้วยตัวเอง นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของรูปแบบที่เราเห็นว่าเทรดเดอร์นิยมใช้ในการทำกำไรเท่านั้นเอง