ไขความลับ 10 ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนใน Forex

เคยสงสัยไหมว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการขึ้นลงของกราฟราคา Forex? ทำไมบางครั้งราคากระชากรุนแรง? คำตอบคือ 10 ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงปัจจัยเหล่านั้น เพื่อให้คุณเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดและนำไปสู่การตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10 ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนใน Forex

1. อุปสงค์และอุปทาน (Demand & Supply)

  • อุปสงค์ของเงินตราต่างประเทศ (Demand) หมายถึง ความต้องการเงินตราต่างประเทศเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศ 
  • ตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวชาวไทยต้องการแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อไปเที่ยวอเมริกา ความต้องการนี้เรียกว่า “อุปสงค์”
  • อุปทานของเงินตราต่างประเทศ (Supply) หมายถึง ปริมาณเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่ในตลาด มาจากการส่งออกสินค้าและบริการ 
  • ลองนึกภาพตามนี้นะครับ
  • ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรเยอะ
  • ต่างประเทศซื้อสินค้าของไทย จ่ายเป็น USD
  • USD ไหลเข้าประเทศไทยนี่แหละ ที่เราเรียก อุปทาน!
  • เมื่ออุปสงค์ของเงินตราต่างประเทศ มากกว่าอุปทาน ค่าเงินนั้นจะอ่อนค่าลง ในทางกลับกัน เมื่ออุปทานของเงินตราต่างประเทศ มากกว่าอุปสงค์ ค่าเงินนั้นจะแข็งค่าขึ้น

ตัวอย่าง นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย พวกเขาจะซื้อเงินบาทมากขึ้น อุปสงค์ของเงินบาทที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลให้ ค่าเงินบาทแข็งค่า ขึ้น

2. นโยบายการเงิน (Monetary Policy)

  • นโยบายการเงิน หมายถึง มาตรการที่ธนาคารกลางใช้ควบคุมสภาพคล่องของเงิน โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อ   
  • ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ: นึกภาพเงินเฟ้อเป็นตัวร้ายในมาเวล คอยไล่จับค่าเงิน ทำให้ข้าวของแพงขึ้น นโยบายการเงินก็เหมือนกับซุปเปอร์ฮีโร่ คอยปกป้องค่าเงิน ไม่ให้เงินเฟ้อมาทำร้ายเรา
  • ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ: นโยบายการเงินเหมือนสารเร่งให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต เมื่อเศรษฐกิจเดินหน้า เงินทองก็มีสภาพคล่อง  ธุรกิจจับจ่ายมีเงินเปย์หนักๆ
  • รักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน: ระบบการเงินที่แข็งแรงได้ปัจจัยก็มาจาก นโยบายการเงินที่เอื้อหนุนช่วยให้ระบบการเงินแข็งแรง
  • ธนาคารกลางแต่ละประเทศ เปรียบเสมือนหอบังคับการของเศรษฐกิจ โดยจะมีนโยบายการเงินที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและเป้าหมายของประเทศ
  • เครื่องมือหลักที่ใช้ในนโยบายการเงิน ได้แก่
  • อัตราดอกเบี้ย: ธนาคารกลางสามารถปรับ อัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ  
  • แทรกแซงตลาด: ธนาคารกลางสามารถ ซื้อหรือขาย สกุลเงินในตลาดเพื่อควบคุมค่าเงินของประเทศ 

การพิมพ์เงิน: ธนาคารกลางสามารถ พิมพ์เงินเพื่อเพิ่มปริมาณเงิน ในระบบเศรษฐกิจ

การประกาศตัวเลข(ปรับอัตราดอกเบี้ย)จาก FED มีผลกระทบต่ออัตรา Forex มาก

3. สภาพเศรษฐกิจ (Economic Conditions) 

  • ตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึง สภาพเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่
  • อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ: วัดจาก GDP ของประเทศการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยิ่งตัวเลขสูงแสดงถึงเศรษฐกิจกำลังขยายตัว 
  • อัตราเงินเฟ้อ: วัดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ เช่น อัตราเงินเฟ้อต่ำ แสดงถึงราคาสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงมาก ประชาชนรับได้ ใช้จ่ายสะดวก
  • การว่างงาน: วัดจากจำนวนผู้ว่างงาน ว่างงานต่ำแสดงว่าดีมีงานทำ ว่างงานสูงแสดงว่าคนไม่มีงานทำ ก็ไม่มีเงิน ส่งผลต่อเศรษฐกิจ 

ดุลบัญชีเดินสะพัด: วัดจาก ความแตกต่าง ระหว่าง มูลค่าการส่งออก กับ มูลค่าการนำเข้า

4. ความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk) 

  • เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนจะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน นำไปสู่การเทขายสินทรัพย์ในประเทศ
  • ตัวอย่างเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ
  • ผลการเลือกตั้งของประเทศนั้นๆ ส่งผลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจแบบภาพรวม
  • สงครามและความขัดแย้ง ส่งผลต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น ในปี 2561 ค่าเงินเปโซอาร์เจนตินาอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุน อ่านรายละเอียดข่าวได้ที่นี่

รูปที่ 2 ภาพข่าวจากAl-Jazeera แสดงการอ่อนค่าของเงินเปโซอย่างรุนแรง

5. ตัวเลขทางเศรษฐกิจ (Economic Figures)

  • ตัวเลขทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนใช้ประเมินมูลค่าของสกุลเงิน เพื่อตัดสินใจลงทุนและคาดการณ์อนาคตของเศรษฐกิจ
  • ตัวอย่างตัวเลขเศรษฐกิจที่มีผลต่อค่าเงิน
  • อัตราเงินเฟ้อ: การเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าและบริการ เงินเฟ้อที่สูงส่งผลให้นักลงทุนกังวล 
  • การว่างงาน: วัดจำนวนคนที่ไม่มีงานทำอัตราว่างงานที่สูงสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่ซบเซา
  • GDP: วัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ GDP ที่เติบโตบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 
  • ตัวเลขเหล่านี้เทรดเดอร์สามารถติดตามได้จากปฏิทินเศรษฐกิจ ตามแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น Forex Factory

รูปที่ 3 แสดงตัวเลขเศรษฐกิจจาก Forex Factory

6. สภาพคล่องของตลาด (Market Liquidity)

  • สภาพคล่องของตลาดที่ดี จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้ามาซื้อขายสกุลเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็วและมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ
  • สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง มักจะมีความผันผวนของราคา (Volatility) น้อยกว่า เนื่องจากมีผู้ซื้อขายจำนวนมาก
  • ตัวอย่างสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง
    • ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)
    • ยูโร (EUR)
    • เยนญี่ปุ่น (JPY)
  • สภาพคล่องของตลาดส่งผลต่อค่าเงินหลายประการ ดังนี้
    • ดึงดูดนักลงทุน: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามา ซึ่งส่งผลดีต่อค่าเงิน
  • ลดความผันผวน: สภาพคล่องสูงช่วยลดความผันผวนของราคา ทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพ

อำนวยความสะดวกในการค้า: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงอำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

7. สภาวะจิตวิทยาของตลาด (Market Psychology)

  • อารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือความคาดหวัง ที่ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายของสกุลเงิน เปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำที่มองไม่เห็นแต่มีแรงกระแทกมหาศาล ดังนั้นเทรดเดอร์ควรระวังให้ดี
  • ตัวอย่างผลกระทบของสภาวะจิตวิทยาของตลาดต่อค่าเงิน
  • ความกลัวและความกังวล: หากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อาจเทขายสกุลเงินนั้นๆ ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
  • ความโลภและความเชื่อมั่น: หากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ อาจระดมซื้อสกุลเงินนั้นๆ ส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
  • ดูแล้วปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่ยากจะคาดเดาและควบคุม เพราะเป็นลักษณะจิตวิทยาหมู่ แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากๆ

8. เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Events) 

  • เหตุการณ์เหล่านี้อาจสร้างความไม่แน่นอน ความเสี่ยงและความกังวลให้แก่นักลงทุน
  • ตัวอย่างเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อค่าเงิน
  • สงคราม: สงครามสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ กีดขวางการค้า และสร้างความไม่มั่นคงทางการเมือง ส่งผลให้ค่าเงินประเทศที่เกี่ยวข้องอ่อนค่าลง
  • ภัยพิบัติธรรมชาติ: ภัยพิบัติธรรมชาติสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน ชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินประเทศที่ประสบภัยอ่อนค่าลง
  • วิกฤตการเมือง: วิกฤตการเมืองสร้างความไม่แน่นอน ความกังวล และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินประเทศนั้นๆ อ่อนค่าลง

9. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Prices)

  • ราคาน้ำมัน: เพราะน้ำมันเป็นสินค้าที่มีความต้องการทั่วโลก ประเทศที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และแคนาดา จะมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันสูงขึ้นเมื่อราคาน้ำมันสูง ทำให้สกุลเงินของประเทศเหล่านี้แข็งค่าขึ้น
  • ราคาทองคำ: ประเทศที่มีการผลิตทองคำมาก เช่น แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย จะได้รับประโยชน์จากราคาทองคำที่สูงขึ้น ทำให้สกุลเงินของประเทศเหล่านี้แข็งค่าขึ้น
  • การเกษตร: ราคาผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และกาแฟ มีผลต่อประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสำคัญ
  • ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลก: การเปลี่ยนแปลงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลก เช่น การเกิดสงคราม, ภัยธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า ก็มีผลกระทบต่อสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง

10. นโยบายการคลัง (Fiscal Policies)

  • การใช้จ่ายของรัฐบาล: การเพิ่มหรือลดการใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือการสนับสนุนโครงการสังคม การสร้างถนนจากภาครัฐ เป็นต้น 
  • การเก็บภาษี: การเพิ่มหรือลดภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีศุลกากร สามารถกระตุ้นหรือชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจ 
  • นโยบายการคลังส่งเสริมการลงทุน: การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

การจัดการหนี้สาธารณะ: การลดหนี้สาธารณะหรือการจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศนั้นๆ 

สรุป

เทรดเดอร์ทุกคนต้องเข้าใจว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำกำไรจากการเทรด การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้อย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้แม่นยำขึ้น และนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายเศรษฐกิจ, อุปสงค์และอุปทาน, สภาพคล่องของเงิน และจิตวิทยาของนักลงทุนทั่วโลก ล้วนเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญในการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการเทรดทำกำไร