เราอ่านตลาด (Market Analysis) ไปทำไมกันนะ?
- การอ่านตลาด ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจกลไกการเคลื่อนไหวราคา คาดการณ์แนวโน้มตลาดได้แม่นยำ และสร้างโอกาสทำกำไรจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตลาด Forex ขับเคลื่อนโดยอุปสงค์และอุปทาน การอ่านตลาดช่วยให้เข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อราคา
- การอ่านตลาดช่วยให้นักเทรดระบุจุดเข้าซื้อและจุดเข้าขายที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในแนวทางของการจำกัดและบริหารความเสี่ยง
- ตัวอย่าง: เทรดเดอร์ที่วิเคราะห์กราฟราคาและพบรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับทิศ เทรดเดอร์สามารถมองหาจุดเข้าซื้อเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา
เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่จำเป็น
- ในโลกของการลงทุน การอ่านและวิเคราะห์ตลาดถือเป็นหัวใจสำคัญ
- *ยิ่งเทรดเดอร์เข้าใจตลาดมากเท่าไหร่ โอกาสทำกำไรก็มากขึ้นเท่านั้น*
- เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดจึงกลายเป็นอาวุธลับที่ขาดไม่ได้
- กราฟราคา
- กราฟราคาเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่แสดงการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาต่างๆ เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์รูปแบบกราฟราคา เช่น แนวโน้ม รูปแบบแท่งเทียน และแนวรับแนวต้าน เพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคา
- ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators)
- ตัวชี้วัดทางเทคนิคเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีต ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุแนวโน้ม โมเมนตัมของค่าเงิน และสัญญาณซื้อขาย
- ข่าวสารและเหตุการณ์เศรษฐกิจ
- ปัจจัยพื้นฐาน เช่น นโยบายการเงิน ตัวเลขเศรษฐกิจ สงครามการค้า ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาด
Infographic เครื่องมือวิเคราะห์ตลาด
เทคนิคการอ่านกราฟราคา
- โครงสร้างตลาดสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มหลักของราคาและทิศทางของคู่สกุลเงินนั้นๆ เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์โครงสร้างตลาดจากจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดของราคา
- ราคาทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น แสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
- ราคาทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงแสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
- ราคาทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดเท่าเดิมแสดงว่าตลาดอยู่แนวโน้วคงตัว (Side Way)
- รูปแบบแท่งเทียนเป็นลักษณะของกลุ่มแท่งเทียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มันบ่งบอกถึงสัญญาณซื้อขาย เทรดเดอร์ควรศึกษาและฝึกจดจำรูปแบบแท่งเทียนที่หลากหลาย เช่น
- Doji
- Hammer
- Engulfing Pattern
- Morning/Evening Star
- Bullish/Bearish Flag
- การจดจำรูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ไม่พลาดโอกาสในการเข้าซื้อ-ขาย คู่เงินนั้นๆ แต่ทั้งนี้เพื่อยืนยันความถูกต้องควรใช้เครื่องมืออื่นๆ วิเคราะห์เพิ่มเติม
- ตัวอย่างเช่น วิเคราะห์กราฟราคา EUR/USD พบรูปแบบแท่งเทียน Hammer เกิดขึ้นบริเวณแนวรับสำคัญ บ่งบอกถึงโอกาสกลับตัวขาขึ้น เทรดเดอร์สามารถเข้าซื้อ EUR/USD คาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น
- แนวรับเป็นระดับราคาที่ราคาเคยลงมาทดสอบแล้วไม่สามารถทะลุลงไปได้ แนวต้านเป็นระดับราคาที่ราคาเคยขึ้นไปทดสอบแล้วไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ แนวรับแนวต้านบ่งบอกถึงจุดที่ราคาอาจจะกลับตัว
- ตัวอย่างเช่น : ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1.3500 และลงมาต่ำสุดที่ 1.2500
- แนวรับที่ 1.2500 เกิดขึ้นจากจุดต่ำสุดในอดีตราคาเคยลงมาทดสอบแนวรับที่ 1.2500 หลายครั้ง และดีดกลับขึ้น
- แนวต้านที่ 1.3500 เกิดขึ้นจากจุดสูงสุดในอดีต ราคาเคยขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.3500 หลายครั้ง และถูกตีกลับลงมา
วิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเทคนิค
- Moving Average เป็นค่าเฉลี่ยราคาในช่วงเวลาที่กำหนดและยังบ่งบอกถึงแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาว
MA ที่นิยมใช้คือ MA50 , MA100 และ MA200 หากค่า MA เส้นสองเส้นตัดกัน บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
- MACD เป็นเครื่องมือวิเคราะห์โมเมนตัมและแนวโน้ม ประกอบด้วยเส้น MACD และเส้น Signal Line
หากเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line บ่งบอกถึงสัญญาณซื้อ หากเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้น Signal Line บ่งบอกถึงสัญญาณขาย
- RSI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์โมเมนตัม บ่งบอกถึงระดับซื้อเกิน (Overbought) และขายเกิน (Oversold) ของราคา หาก RSI อยู่เหนือ 70 บ่งบอกถึงระดับแรงซื้อเยอะเกิน หาก RSI อยู่ต่ำกว่า 30 บ่งบอกถึงระดับแรงขายเยอะเกิน
- Bollinger Bands เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ความผันผวนของราคา ประกอบด้วยเส้น Bollinger Band บนและล่าง บ่งบอกถึงขอบเขตการเคลื่อนไหวของราคา หากราคาอยู่ใกล้เส้น Bollinger Band บน บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลง หากราคาอยู่ใกล้เส้น Bollinger Band ล่าง บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้น
ตัวอย่างเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิค
ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์เศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลาง เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ย การพิมพ์เงิน สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยในตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินสกุลต่างๆ
ตัวอย่างเช่น : ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักเทรดคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น นักเทรดอาจตัดสินใจเข้าซื้อ USD/JPY
- ตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น GDP , อัตตราเงินเฟ้อ , ยอดค้าปลีก ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศสกุลเงินนั้นๆ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทิศทางของตลาด
ตัวอย่าง เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต 3% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเทียบกับยูโร
- ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อค่าเงินสกุลต่างๆ
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุ แผ่นดินไหว ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลต่อค่าเงินสกุลนั้นๆ ด้วยเช่นกัน
- ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เทรดเดอร์สามารถดูได้ที่ ปฏิทินเศรษฐกิจ จากแหล่งข้อมูล Forex ที่น่าเชื่อถือ เช่น Forex Factory เป็นต้น
ตัวอย่างปฏิทินเศรษฐกิจ
ผสมผสานกลยุทธ์การอ่านตลาด
การอ่านตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์ทั้งหลายควรผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ ดังนี้
- วิเคราะห์ทั้งกราฟราคา ตัวชี้วัด และปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์กราฟราคาช่วยให้นักเทรดเข้าใจโครงสร้างตลาด รูปแบบแท่งเทียน แนวโน้มของตลาด ณ ช่วงเวลานั้นและหาจุดเข้าซื้อ-ขาย
- การวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเทคนิคช่วยให้เทรดเดอร์รู้ถึงโมเมนตัมของราคา สัญญาณซื้อขายและการคัดกรองสัญญาณจากกราฟราคา
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วยให้นักเทรดเข้าใจปัจจัยเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาด คาดการณ์แนวโน้มระยะยาว
- สภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เทรดเดอร์ควรปรับกลยุทธ์การอ่านตลาดให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน เช่น
- ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์ควรเน้นกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม
- ตลาดผันผวนสูง ควรเน้นกลยุทธ์การเทรดระยะสั้น
- การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรด ควรตั้งจุดตัดขาดทุนสำหรับทุกการเทรด รวมถึงจำกัดขนาดการลงทุนให้เหมาะสมกับขนาดของเงินทุน
- ตัวอย่าง: เทรดเดอร์วิเคราะห์กราฟราคา EUR/USD พบว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ประกอบกับ MACD ส่งสัญญาณซื้อ และข่าวสารเศรษฐกิจของยุโรปเป็นบวก นักเทรดสามารถตัดสินใจเข้าซื้อ EUR/USD โดยตั้งจุดตัดขาดทุนต่ำกว่าแนวรับสำคัญ
อารมณ์และวินัยในการเทรด
- การควบคุมอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเทรด Forex เพราะมันจะส่งผลต่อการตัดสินใจ จนอาจนำไปสู่การเทรดที่ผิดพลาดและการอ่านตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เทรดเดอร์ควรฝึกควบคุมอารมณ์ มีสติ คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ก่อนตัดสินใจเทรด
- การปฏิบัติตามแผนการเทรด อย่างเคร่งครัดช่วยให้เทรดเดอร์มีวินัย ลดความเสี่ยงจากการเทรดตามอารมณ์ แผนการเทรดควรประกอบด้วย กลยุทธ์การเข้า-ออกตลาด จุดตัดขาดทุน เป้าหมายกำไร การวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ และความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์การเทรด
- การเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งกำไรและขาดทุนจากการเทรดก่อนหน้า จะช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาทักษะการเทรด เราควรวิเคราะห์สาเหตุของการเทรดที่ผิดพลาด หาจุดอ่อน และปรับปรุงกลยุทธ์อยู่เสมอ
สรุป
การอ่านตลาดหรือการวิเคราะห์ตลาดนั้นเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เทรดเดอร์ Forex จำเป็นจะต้องมีติดตัวเนื่องจากมันมีประโยชน์ต่อการเทรดทำกำไรอย่างมาก ซึ่งการอ่านตลาดและวิเคราะห์ตลาดนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องทำร่วมกัน ซึ่งเทรดเดอร์บางคนอาจจะประยุกต์ใช้เครื่องมือเท่าที่ตนเองถนัด ซึ่งเครื่องมือที่จะช่วยในการวิเคราะห์ตลาดก็คือ รูปแบบราคาต่างๆ กราฟแท่งเทียน การใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มการเทรด การรับรู้ข้อมูลข่าวสาวเศรษฐกิจที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาในตลาด Forex
เครื่องมือเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์อ่านตลาดและมองทิศทางของราคาได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า “การอ่านตลาดให้ออก สำคัญกับการเทรด Forex กว่าที่คิด” เปรียบเสมือนแผนที่ที่ใช้นำทางในการเทรดเลยทีเดียว
บทความแนะนำ
เทคนิคการใช้ copy trade สำหรับนักลงทุน Forex ที่ไม่ชอบวิเคราะห์เอง
วิเคราะห์กราฟแท่งเทียนคืออะไร สำคัญกับการลงทุน Forex ยังไง
10 รูปแบบเทคนิคการเทรดยอดนิยม
จัดการความเสี่ยง: ลงทุน Forex อย่างไรให้ปลอดภัย
ลงทุน Forex ต้องมีระบบของตัวเอง หาจากไหน?
การลงทุน Forex ดียังไง? เปรียบเทียบข้อแตกต่างและข้อได้เปรียบในการเทรด
การใช้ EA ในการลงทุนเทรด Forex : เริ่มต้นยังไง? แบคเทสยังไง? ซื้อ EA ที่ไหน?
การเทรด Forex ในช่วงเวลาของการประกาศข่าวสำคัญ