10 เคล็ด(ไม่)ลับ Forex สร้างกำไรยั่งยืน

อยากมีกำไรยั่งยืนกับ Forex เชิญมาทางนี้

ในวงการ Forex นั้น มีเทรดเดอร์มากมายที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องลาจากวงการนี้ไป เหตุผลไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาขาดฝีมือหรือขาดความรู้ในการเทรด Forex แต่เหตุผลที่ทำให้เทรดเดอร์คนหนึ่งทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ในขณะที่อีกหลายๆคน กลับเทรดได้ๆเสียๆ ไม่สามารถทำกำไรต่อเนื่องได้ เป็นเพราะอะไรกัน?

ปัจจัยที่แบ่งแยกมืออาชีพกับมือสมัครเล่น จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ทีมงานมีบทความดีๆให้มาไขข้อสงสัยกัน กับ 10 เคล็ด(ไม่)ลับเทรด Forex สร้างกำไรให้ยั่งยืน!

10 เคล็ด(ไม่)ลับ Forex สร้างกำไรยั่งยืน

1.หนทางสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพ

ทุก ๆคนล้วนเคยเป็นมือใหม่มาก่อน แม้แต่นักเทรดมืออาชีพที่ทำกำไรได้ต่อเนื่องจนน่าอิจฉา พวกเขาก็ต้องฝึกฝน พัฒนา และปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด การฝึกฝนและเพิ่มทักษะ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน   

  • ศึกษาหาความรู้:
    ศึกษาพื้นฐานของตลาด Forex ทำความเข้าใจประเภทของการเทรด ทั้งเทรดระยะสั้นๆจบในวัน หรือถือออเดอร์นานขึ้นตามเทรนด์ใหญ่ ศึกษากลไกการทำงานของตลาดและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคา เพื่อให้เรามองเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน
  • ฝึกฝนทักษะ:
    พัฒนาทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้เชี่ยวชาญ มีมากมายหลากหลายรูปแบบ 
  • ฝึกอ่านกราฟราคา
  • ฝึกใช้ Indicators & Oscillators 
  • ฝึกการประเมินแนวโน้ม 
  • ฝึกวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน 
  • ฝึกการวิเคราะห์ข่าวสารเศรษฐกิจ
  • พัฒนากลยุทธ์:
    ค้นหากลยุทธ์การเทรดที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของเราเอง ผ่านบัญชีทดลอง (Demo Account) และประเมินผลการเทรดทุกครั้ง เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
  • ไม่หยุดที่จะเรียนรู้:
    การเรียนรู้ในทุกๆวันเพื่อปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด ย่อมทำให้เทรดเดอร์อยู่ในวงการนี้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งแหล่งเรียนรู้ก็มีมากมายเช่น ยูทูป ช่องทางโซเชียลของเทรดเดอร์เก่งๆ หนังสือ บทความ  หรือแม้แต่จากประสบการณ์ตรงของเราเอง ก็มีประโยชน์อย่างมหาศาลเชียวล่ะ

2.บริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

  • กำหนดเงินทุน:
    ก่อนอื่นเลยเราต้องกำหนดเงินทุนทั้งหมดที่เราจะใช้ในการเทรดForex สำหรับมือใหม่แล้ว ทีมงานไม่แนะนำให้เติมเงินเพิ่มเด็ดขาด แต่จะใช้วิธีใส่เงินทีละน้อย ๆ ถ้าขาดทุนจนหมดก็สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และเริ่มต้นใหม่ได้ จนเจอจังหวะที่สามารถทำกำไรได้แล้ว ให้ค่อยๆถอนกำไรออกมาเรื่อยๆ จนเหลือแต่ทุนที่เป็นกำไรเท่านั้นที่จะใช้ในการเทรดและปั้นพอร์ตของเราให้เติบโตครับ ที่สำคัญคืออย่าลืมแบ่งเงินทุนสำหรับการเทรดแต่ละครั้งด้วยนะครับ อย่าเทหมดหน้าตักเด็ดขาด เผื่อไว้ส่วนหนึ่งเป็นเงินสำรองด้วย!
  • ตั้งจุดทำกำไร/ตัดขาดทุน (Stop Loss and Take Profit): 
    ก่อนจะเปิดออเดอร์ทุกครั้ง เราต้องตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit เอาไว้เสมอ
    จุด Stop Loss คือจุดที่เรายอมรับว่าขาดทุนได้เท่านี้ ถ้าราคามาถึงจุดนี้ เราจะปิดออเดอร์ทันที เพื่อรักษาเงินทุน ส่วนจุด Take Profit คือจุดที่เราพอใจกับกำไรแล้ว ถ้าราคาไปถึงจุดนี้ เราจะปิดออเดอร์เพื่อล็อกกำไร ไม่โลภมากจนเกินไป
  • หลีกเลี่ยง Margin:
    Margin เหมือนดาบสองคม มันช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้เราได้เทรดเยอะขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน ถ้าตลาดไม่เป็นใจ เราอาจจะสูญเสียเงินทั้งหมดได้ง่ายๆ ดังนั้น ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ หรือยังเป็นมือใหม่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Margin จะดีกว่าครับ
  • เครื่องมือบริหารเงิน:
    เช่น Position Sizing Calculator ที่จะช่วยเราคำนวณว่าควรใช้เงินทุนเท่าไหร่ในการเทรดแต่ละครั้ง เพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เรารับได้ ลองศึกษาและใช้งานดูนะครับ

3.สามารถควบคุมอารมณ์และวินัยได้เป็นอย่างดี

การเทรด Forex ไม่ใช่แค่เรื่องของกราฟและข่าวสาร แต่คือ “การฝึกฝนจิตใจและวินัยให้แข็งแกร่ง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์มืออาชีพแตกต่างจากมือสมัครเล่น

  • ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล อย่างมีเหตุผล:
    • วิเคราะห์ข้อมูลรอบด้าน:
      ศึกษาข้อมูลทุกแง่มุม ทั้งข่าวสาร ปัจจัยเศรษฐกิจ กราฟราคา และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อตลาด เพื่อให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน
    • ใช้เครื่องมือทางเทคนิค: 
      ฝึกฝนการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อให้ได้เปรียบในการตัดสินใจเข้าออเดอร์ เช่น การใช้อินดิเคเตอร์ วิเคราะห์แท่งเทียน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ติดตามปัจจัยพื้นฐาน:
      อย่าลืมติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ เหตุการณ์สำคัญ และนโยบายการเงินของแต่ละสกุลเงินที่เราเทรด เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของตลาด
    • ตัดสินใจแบบไม่ใช้อารมณ์มาเกี่ยวข้อง:
      การตัดสินใจที่ดีต้องมาจากเหตุผลและข้อมูลที่มั่นคง ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ คิดให้เป็นเหตุและผล ตัดสินใจโดยมีแผนรองรับ

 

  • ฝึกการอดทนรอคอย: 
    • รอจังหวะที่เหมาะสมในการซื้อ-ขาย:
      เทรดให้เหมือนกับการตกปลา คือรอให้เป็น เมื่อได้จังหวะที่เหมาะสมปลา(กำไร) ก็จะติดเบ็ดเราเอง รอจังหวะที่ใช่ ค่อยออกอาวุธ ไม่ต้องรีบร้อน
    • ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน:
      พักบ้างก็ได้นะ! ไม่ต้องกดดันตัวเอง การพักผ่อนจะช่วยให้เรามีสติและสมาธิมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องกดดันตัวเองให้เทรดทำกำไรทุกๆ วัน การพักเทรดถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งเช่นกัน
    • ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง:
      การเทรดที่ดีคือเทรดแล้วเรารู้สึกสบายใจ เลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่เข้ากับสไตล์และความเสี่ยงที่เรารับได้

  • ยอมรับความสูญเสีย: 
    • ทำความเข้าใจว่าการเสียเงิน(บางส่วน) เป็นเรื่องปกติของการเทรด:
      ในวงการเทรด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติเลยก็คือ การเทรดแล้วขาดทุน
      ไม่มีใครชนะตลอด (และไม่มีใครแพ้ตลอดเช่นกัน) การขาดทุนเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเทรดเดอร์ทุกคน มือใหม่ส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิดว่า “เทรดเดอร์ที่อยู่มานาน จะไม่พบเจอปัญหาขาดทุนเพราะมีประสบการ์ณสูงแล้ว เห็นเทรดมาตั้งนานแล้วนี่” แต่ความเป็นจริงแล้วกลับตรงกันข้าม ยิ่งอยู่ในตลาดนาน ก็ยิ่งต้องเผชิญกับปัญหาการขาดทุนบ่อยขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือการทำกำไรให้ได้มากกว่าที่เราเทรดเสียไปนั้นเอง นี่แหละเคล็ดลับของเทรดเดอร์ที่อยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน
      เราต้องทำกำไรให้ได้มากกว่าที่เสียไปครับ เสียน้อยหลายๆครั้ง เพื่อให้ได้กำไรครั้งใหญ่ ก็สามารถอยู่รอดในตลาดนี้ได้แล้วครับ ก้าวข้ามช่วงเวลาแย่ๆของเราไปให้ได้!
    • เรียนรู้จากประสบการณ์:
      ทุกความผิดพลาดคือบทเรียนที่สำคัญมาก ๆ อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต้องเสียเปล่าครับ ต้องเกิดการเรียนรู้ พร้อมกับนำมาแก้ไขในอนาคต ทีมงานแนะนำให้ทำเป็นบันทึกการเทรดจะดีมากเลยครับ ครั้งหน้าทีมงานจะมาแชร์ในส่วนรายละเอียด ว่า ควรบันทึกอะไรบ้าง หน้าตาเป็นแบบไหนดีครับ 
    • กำหนดความเสี่ยง:
      วางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ กำหนด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง เงินทุนของเรา เราสามารถกำหนดเองได้ว่าสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ไม่ควรเทหมดหน้าตักในการลงทุน

  • รักษาความมีวินัย 
    • ยึดมั่นในกลยุทธ์:
      ทำตามแผนการเทรดของเรา ไม่เทรดด้วยอารมณ์ ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเข้าหรือออกออเดอร์
    • มีวินัยในการฝึกฝน:
      พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิเคราะห์ การควบคุมอารมณ์ และการใช้กลยุทธ์ต่างๆ

“การควบคุมอารมณ์และวินัยเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เหมือนการฝึกกล้ามเนื้อ ยิ่งฝึกมากก็ยิ่งแข็งแรง และจะช่วยให้เราเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวครับ!”

4.ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่สำคัญ

การเทรด Forex เหมือนการเดินเรือกลางทะเล ที่มีคลื่นลมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญก็เหมือนมีเรดาร์คอยจับความเคลื่อนไหว จะช่วยให้เราวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำขึ้น

  • ฝึกติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเมือง:
    ข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อคู่สกุลเงินที่เทรด มีหลายประเภท เช่น
  • ข่าวเศรษฐกิจ:
    ตัวเลข GDP, อัตราเงินเฟ้อ, ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ข่าวลือต่างๆ ล้วนส่งผลต่อค่าเงิน โดยเฉพาะ USD ที่เป็นสกุลเงินหลักของโลก
  • นโยบายการเงิน:
    การตัดสินใจของธนาคารกลาง เช่น การขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อทิศทางของตลาด Forex
  • เหตุการณ์ทางการเมือง:
    การเลือกตั้ง, การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล, หรือแม้แต่ความขัดแย้งทางการเมือง ก็สามารถส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้ค่าเงินผันผวนได้
  • ภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน:
    สึนามิ, แผ่นดินไหว, หรือแม้แต่การระบาดของโรค ก็สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าเงินของประเทศนั้นๆ ได้
  • เลือกแหล่งข่าวและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ:
  • สำนักข่าว:
    Reuters, Bloomberg, CNBC, หรือสำนักข่าวท้องถิ่นที่มีความน่าเชื่อถือ
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ:
    ช่วยให้เรารู้ล่วงหน้าว่าจะมีข่าวสำคัญอะไรบ้าง และเมื่อไหร่
  • เว็บไซต์และบล็อกของนักวิเคราะห์:
    อ่านบทความและความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลาย

“การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของตลาด และสามารถคาดการณ์แนวโน้มได้ดีขึ้น ทำให้เราตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จครับ!”

5.เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้

การเลือกโบรกเกอร์ก็เหมือนการเลือกคู่หูที่จะร่วมเดินทางไปกับเรา ถ้าเลือกดีก็เหมือนมีเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่มีทั้งสัมมนาฟรี มีคนดูแลแบบส่วนตัว(Account Manager) เวลาเกิดปัญหา ก็สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ถ้าเลือกผิด…นอกจากปวดหัวกับการเทรดแล้ว ก็อาจเจอปัญหาปวดหัวกับการเลือกโบรกเกอร์ซ้ำสองได้เลย ทุกคนควรให้ความสำคัญมาก ๆ มีหลักเกณฑ์ในการเลือกไม่ยากครับ

  • เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและบริการ:
    • ค่าธรรมเนียม:
      โบรกเกอร์แต่ละเจ้ามีค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไป ทั้งสเปรด (Spread), ค่าคอมมิชชั่น (Commission), ค่าธรรมเนียมฝากถอน, ค่าธรรมเนียมจากการถือสถานะข้ามคืน (Swap) หรือแม้แต่ค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี ลองเปรียบเทียบดูว่าเจ้าไหนคุ้มค่าที่สุดสำหรับเราครับ
    • บริการเสริม:
      โบรกเกอร์บางแห่งอาจมีบริการเสริม เช่น สัญญาณเทรด, บทวิเคราะห์, หรือเครื่องมือช่วยเทรดต่างๆ ลองดูว่าบริการเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของเรา มากน้อยแค่ไหน
  • ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ที่เราสนใจได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เช่น ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส), FCA (สหราชอาณาจักร) เพื่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการลงทุนของเรา
  • รีวิวและความน่าเชื่อถือ:
    อ่านรีวิวจากนักเทรดรายอื่น ๆ ตรวจสอบคะแนนและความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งาน บริการลูกค้า และความน่าเชื่อถือโดยรวมของโบรกเกอร์ 

การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่ อาจต้องใช้เวลาและการศึกษาข้อมูลสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าแน่นอน เพราะโบรกเกอร์ที่ดีจะช่วยให้เราเทรดได้อย่างสบายใจ และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นครับ!

ตัวอย่างใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Forex ที่น่าเชื่อถือ

6.มีความเชี่ยวชาญในเครื่องมือวิเคราะห์และใช้เทคโนโลยีการเทรดใหม่ ๆ

ในโลกของ Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวน ที่เราต้องแข่งขันกับนักเทรดจากทั่วโลก การมีเครื่องมือวิเคราะห์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็เหมือนมีอาวุธคู่กายที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ครับ

 

อินดิเคเตอร์ (Indicator) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่สำคัญของเทรดเดอร์เปรียบเสมือนอาวุธสำหรับล่าสัตว์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ซึ่งหากเทรดเดอร์ใช้เป็นเพียง 1 ใน 5 อย่างนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ก็สามารถอยู่รอดในตลาดแล้วครับ

 

  • สำหรับบอกพฤติกรรมราคา 
    • การวิเคราะห์แท่งเทียน:
      ใช้รูปแบบของแท่งเทียนแต่ละแท่งบนกราฟเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคา
    • การวิเคราะห์พฤติกรรมราคา:
      ศึกษาแนวโน้มและรูปแบบของราคาเพื่อดูทิศทางของตลาด เช่น การ breakout และการกลับตัว
    • แนวรับ-แนวต้าน:
      แนวรับและแนวต้านเป็นระดับราคาที่มีนัยสำคัญในกราฟ การระบุแนวรับและแนวต้านช่วยในการวางแผนการซื้อขาย
  • สำหรับบอกแนวโน้ม
    • ADX (Average Directional Movement Index):
      ADX เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ทั้งขาขึ้น-ลง ค่าที่สูงกว่า 20-25 = แนวโน้มแข็ง , ค่าที่ต่ำกว่า20 = แนวโน้มอ่อน
    • MACD:
      ใช้การเคลื่อนที่ของเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้น (EMA) เพื่อระบุแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา ส่วนใหญ่ใช้จุดตัดของ 2 เส้นในการเข้าซื้อ-ขาย

       

  • บอกโมเมนตัม
    • Relative Strength Index (RSI): เป็นอินดิเคเตอร์โมเมนตัมการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา ค่าที่สูงกว่า 70 บอกถึงภาวะoverbought และค่าที่ต่ำกว่า 30 บอกถึงภาวะ oversold
    • Stochastic Oscillator: เป็นอินดิเคเตอร์ที่เปรียบเทียบราคาปิดกับช่วงราคาต่ำสุดและสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อระบุภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) และการขายมากเกินไป (Oversold)

       

  • วัดความผันผวน
    • Average True Range (ATR): ใช้วัดความผันผวนของราคาโดยพิจารณาช่วงระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดของแต่ละช่วงเวลา ค่า ATR สูง = ความผันผวนที่สูง ATR ต่ำ = ผันผวนต่ำ
    • Bollinger Bands:
      Bollinger Bands ประกอบด้วยเส้นMoving Average และเส้น Standard Deviation การขยายตัวของแถบ = ความผันผวนสูง และการหดตัวของแถบ = ความผันผวนต่ำ

       

  • วัดปริมาณการซื้อขาย
    • On-Balance Volume (OBV): เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดปริมาณการซื้อขายเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา

       

เทคโนโลยีการเทรดในปัจจุบันนี้ถือว่าก้าวหน้าไปมาก ซึ่งมาช่วยให้ เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเทรดด้วยตนเองก็สามารถทำกำไรได้ เช่น

  • การลงทุนใน Forex แบบ Copy Trade: ซึ่งเป็นระบบการคัดลอกคำสั่งซื้อจากเทรดเดอร์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในตลาด Forex มาอย่างโชกโชน โดยเราแค่เลือกคัดลอกจากเทรดเดอร์ที่เรามองว่ามีสถิติดี เนียบ กินยาวๆ และมี”ค่าครู”ที่เหมาะสม
  • การบริหารบัญชีด้วยระบบ PAMM: ที่เทรดเดอร์จะได้กำไรจากการปันผลของการจัดการบัญชีโดยเทรดเดอร์สุดเจ๋ง โดยไม่ต้องทำอะไรแค่ดูผลงานเท่านั้น
  • จากเลือกใช้ EA ในการเทรด:
    เพื่อสร้างกำไรในทุกช่วงเวลา ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะจะทำตามคำสั่งที่เราเซ็ตไว้ ทั้งวิเคราะห์ ออกคำสั่งซื้อ-ขาย ปิดกำไร StopLoss ให้เอง ซึ่งเทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามตลอดเวลา

เคล็ดลับ:

  • ไม่ต้องใช้ทุกอย่าง:
    เริ่มแรกเราอาจจำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจวิธีการใช้งานเครื่องมือต่างๆ และฝึกใช้ทีละชนิดค่อยๆสะสมความรู้ทีละเล็ก ทีละน้อย
  • เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับเรา:
    จนกระทั่งค้นพบเครื่องมือเพียงไม่กี่ชนิด ที่เรารู้สึกสบายใจที่จะใช้ในการเทรด  และสามารถใช้งานได้อย่างชำนาญ แม่นยำ มีประสิทธิภาพ
  • อย่าลืมการวิเคราะห์พื้นฐาน:
    เครื่องมือต่าง ๆ เป็นเพียงหนึ่งในตัวช่วยในการเทรดของเรา การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสารต่างๆ ก็ควรให้ความสำคัญด้วยนะครับ

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์และเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด จะช่วยให้เราเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างแน่นอน!

7.เป็นคนที่คิดวิเคราะห์อย่างมีหลักการ: เทรดเดอร์สายนักสืบ

การเทรด Forex ไม่ใช่เรื่องของการเสี่ยงดวง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีอยู่เยอะมาก ๆ ย่อยอย่างมีหลักการ  ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เทรดเดอร์มืออาชีพต้องเป็นเหมือนนักสืบ คอยหาหลักฐานและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อไขปริศนาของตลาด

  • ฝึกแยกแยะข้อมูล: 
    • แยกข้อเท็จจริงจากความคิดเห็น:
      ข่าวสารในโลก Forex มีมากมาย บางข่าวเป็นข้อเท็จจริง บางข่าวเป็นเพียงความคิดเห็นของคนอื่น เราต้องแยกให้ออกว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง
    • ประเมินแหล่งที่มา:
      ข้อมูลมาจากไหน? ใครเป็นคนพูด? มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน? อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน
    • ตรวจสอบความครบถ้วนของข้อมูล:
      ข่าวสารนั้นๆ มีรายละเอียดครบถ้วนหรือไม่? มีวันที่ เวลา สถานที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องชัดเจนหรือเปล่า?
  • การประเมินความน่าจะเป็น: 
    • วิเคราะห์สถานการณ์:
      เมื่อเห็นสัญญาณบางอย่างในตลาด เช่น Price Action ที่ดูเหมือนจะกลับตัว เราต้องประเมินว่าโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นจริงมีมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่าที่เราจะเข้าไปเสี่ยงเทรดในครั้งนี้หรือไม่?
    • คาดการณ์ผลลัพธ์:
      เราต้องตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเหตุการณ์ที่วิเคราะห์ไว้นั้นเกิดขึ้นจริง เช่น ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? ราคาจะขึ้นหรือลง? เราจะได้กำไรหรือขาดทุน?
  • การคาดการณ์แนวโน้ม 
    • วิเคราะห์ข้อมูลรอบด้าน:
      ใช้ทั้งข้อมูลทางเทคนิค (กราฟราคา, อินดิเคเตอร์) และปัจจัยพื้นฐาน (ข่าวสาร, นโยบาย) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาด
    • จงอย่ารีบร้อน:
      ถ้ายังไม่แน่ใจ รอให้มีข้อมูลเพิ่มเติมก่อนค่อยตัดสินใจ หรืออาจจะลองเปิดออเดอร์เล็กๆ เพื่อดูสถานการณ์ เช่น หากเราวิเคราะห์จากราฟแล้วว่ามีโอกาศกลับตัว+วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญ อย่างน้อยก็รอให้ประกาศตัวเลขก่อน อย่าเพิ่งรีบออกออเดอร์ หรือออกน้อยๆไปก่อนหากกลัวตกรถ

       

  • ฝึกตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ 
    • มองให้ลึกกว่าที่เห็น:
      เมื่อได้ข่าวหรือข้อมูลใหม่ๆ ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” “มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกไหม?” “ข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?”
    • อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ:
      ในโลก Forex มีกลลวงมากมาย เราต้องคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

การเป็นเทรดเดอร์ที่คิดวิเคราะห์อย่างมีหลักการ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าเราฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาวได้ครับ!

8.ติดตามผู้เชี่ยวชาญและเรียนรู้ให้มากที่สุด

การเรียนรู้จากกูรูผู้เชี่ยวชาญในวงการ Forex ก็เหมือนมีพี่เลี้ยงคอยแนะนำ ได้เปิดประสบการณ์ และมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้เราได้พัฒนาทักษะ กลยุทธ์และมุมมองที่มีต่อตลาด Forex
ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาลองผิดลองถูก พัฒนาฝีมือได้เร็วขึ้น แถมยังได้มุมมองใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วย

  • แหล่งเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ:
  • หนังสือ บทความ และเว็บไซต์:
    เหมือนมีคลังความรู้ขนาดใหญ่ให้เราศึกษา ทั้งกลยุทธ์การเทรด การวิเคราะห์ตลาด จิตวิทยาการเทรด และความรู้พื้นฐานต่างๆ ลองหาหนังสือที่เขียนโดยเทรดเดอร์ชื่อดัง หรือบทความจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือดูสิครับ
  • สัมมนา:
    ได้เจอตัวเป็นๆ ของกูรู แถมยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเทรดเดอร์คนอื่นๆ อีกด้วย ลองมองหาสัมมนาที่จัดโดยโบรกเกอร์ Forex ดูนะครับ อาจได้มิตรภาพเทรดเดอร์ที่จะทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของการเทรดได้เลยทีเดียว
  • ติดตามเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์:
    กูรูหลายคนมีช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง ลองติดตามดูว่าเขาคิด วิเคราะห์ และเทรดอย่างไร บางคนอาจมีคอร์สสอนออนไลน์ หรือกลุ่มปิดสำหรับสมาชิกด้วยนะ
  • เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น:
    ไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเองเสมอไป การเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น ก็ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด และลดความเสี่ยงในการเทรดได้

การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จในตลาด Forex แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการลงมือทำและเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองด้วยนะครับ

8.สร้างเครือข่ายชุมชนเทรดเดอร์

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า

“If you want to go fast, go alone. If you want to go far, go together.”

“ถ้าอยากเร็วก็ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากสำเร็จให้ไปด้วยกัน” 

สิ่งสำคัญในวงการ Forex ไม่ใช่ว่าคุณทำกำไรได้มากแค่ไหนแต่เป็นคุณอยู่รอดได้นานแค่ไหนต่างหาก ดังนั้นการมีพันธมิตรเทรดเดอร์ด้วยกัน เหมือนมีกองหนุนที่แข็งแกร่ง ย่อมทำให้หนทางแห่งการเทรดแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่นอน

  • แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์:
    แบ่งปันกลยุทธ์การเทรด เทคนิคการวิเคราะห์ และมุมมองต่อตลาด เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ข้อผิดพลาด และบทเรียนสำคัญจากเทรดเดอร์คนอื่นๆ ยิ่งแบ่งปันเราก็ยิ่งได้รับมากขึ้นกว่าเดิม แถมได้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
  • มองมุมใหม่อาจจะเจอคำตอบใหม่ๆ:
    เทรดเดอร์คงต้องหมั่นพบเจอกับเทรดเดอร์อื่นๆ จากหลากหลายภูมิหลัง หลายประสบการณ์และสไตล์การเทรด เพื่อฝึกเรียนรู้มุมมองและวิธีคิดที่หลากหลาย  ซึ่งจะช่วยให้วิเคราะห์ตลาด ตัดสินใจ และปรับกลยุทธ์การเทรดในมุมที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนก็ได้
  • หนึ่งคนรู้โลกรู้:
    การมีสังคมเทรดเดอร์และขยายเครือข่ายให้ใหญ่โต ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เพราะสังคมที่ดีจะแชร์และร่วมกันวิเคราะห์เพื่อให้ได้คำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุดร่วมกัน เปรียบเสมือนมีทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่เหนือสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสการเทรดได้ทันท่วงที
  • สร้างมิตรภาพ:
    พบปะผู้คนที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน สร้างมิตรภาพ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อเกิด community เทรดเดอร์ขึ้นมา จะเป็นเหมือนแหล่งชุมชนที่คอยช่วยเหลือกันในเรื่องการเทรด
  • ช่องทางการหาชุมชนเทรดเดอร์:
    • เข้าร่วมกลุ่ม Facebook, forums หรือห้อง chat ที่เกี่ยวข้องกับ Forex
    • เข้าร่วมงานสัมมนา หรือกิจกรรมเกี่ยวกับ Forex ที่จัดขึ้นโดยองค์กรที่น่าเชื่อถือ

ตัวอย่างสังคมเทรดเดอร์

10.พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์หลายๆคน ได้พลาดปัจจัยที่สำคัญนี้ไป จนทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันและกลายเป็นเหยื่อของตลาดในท้ายที่สุด เราอาจจะเคยเก่ง เคยทำกำไรได้ แต่การหยุดพัฒนาตัวเองก็เหมือนการหยุดเดิน อย่าลืมว่า “ตลาดไม่เคยหยุดนิ่ง” เราอาจจะประมาทเลินเล่มจนลืมไปว่าในวงการ Forex ทุกวินาทีคือสมรภูมิรบ ไม่มีการปราณีใดๆ เล่นจริง เจ็บจริง ดังนั้นอย่าลืมที่จะ ”พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง”

  • เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคการเทรดใหม่ๆ:
    ตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งผู้เล่นในตลาด ทั้งการเคลื่อนไหวของราคา ทั้งรูปแบบของการทำกราฟ เทรนด์ใหม่ๆ กลยุทธ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เราต้องคอยอัปเดตความรู้และทักษะอยู่เสมอ  “อะไรที่เคยใช้ได้ผลในวันนี้ ไม่ได้หมายถึงอนาคตจะสามารถใช้ได้เสมอไป”   เราจึงควรเรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคการเทรดใหม่ๆ ทดสอบ ปรับใช้ และพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเอง ตลาดเปลี่ยน เทรนด์เปลี่ยน กลยุทธ์ของเราก็ต้องปรับตามด้วย
  • ฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง:
    การเทรด Forex ต้องการทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ ตัดสินใจอย่างมีข้อมูล และควบคุมอารมณ์ ซึ่งต้องการการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ที่จะจัดการกับความโลภ ความกลัว และความเครียด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการตัดสินใจ
  • เรียนรู้จากประสบการณ์:
    บันทึกผลการเทรดของเราอย่างละเอียด ทั้งกำไร ขาดทุน และเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ดูว่าเราทำอะไรได้ดี และอะไรที่ต้องปรับปรุง วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนจากการเทรดที่ผ่านมา  เรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่ขาดทุน ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนากลยุทธ์การเทรดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

10 เคล็ด(ไม่)ลับ Forex สร้างกำไรยั่งยืน ที่นำเสนอไปนั้น แต่ละข้อเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ ที่เทรดเดอร์มืออาชีพยึดมั่น ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง ฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอารมณ์และมีวินัย เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด คิดวิเคราะห์อย่างมีหลักการ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ สร้างเครือข่ายกับเพื่อนเทรดเดอร์ และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์มืออาชีพอยู่รอดและเติบโตในตลาดที่โหดหินนี้ได้

การเทรด Forex ไม่ใช่แค่การทำกำไรในระยะสั้น แต่ต้องให้ความสำคัญที่ความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้ ความสามารถ และวินัยในการลงทุน
10 เคล็ดลับนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และประสบความสำเร็จในโลกของ Forex ได้อย่างแท้จริงครับ