ข้อดีของการเทรด Forex ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้
- ปัจจุบันต้องยอมรับว่าสถานการณ์การลงทุนในไทยยังคงมีแนวโน้มที่ฟื้นตัว ความหลากหลายของการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น
- นักลงทุนในเมืองไทยรู้จักกับการลงทุนหลายแบบ เช่น หุ้น , กองทุน , Forex , สกุลเงินดิจิทัล เป็นต้น
- โดยส่วนมากแล้วการลงทุนใน Forex ยังคงเป็นที่นิยม แต่ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างใน Forex ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบกัน
ตลาดใหญ่ สภาพคล่องสูง
- ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตลาด Forex คือ เป็นตลาดการซื้อ-ขายใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันโดยประมาณ
- สภาพคล่องสูง หมายความว่า มีนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ทำการซื้อขาย ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
- ตัวอย่างคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง:
- EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
- USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น)
- GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ)
เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
- เทรดแบบ Long (ขาขึ้น): คาดการณ์ว่าราคาสกุลเงินจะ “ขึ้น” เปิดสถานะซื้อ หากราคาขึ้นจริง นักลงทุนจะได้กำไร แต่หากราคา “ลง” นักลงทุนจะขาดทุน
- เทรดแบบ Short (ขาลง): คาดการณ์ว่าราคาสกุลเงินจะ “ลง” เปิดสถานะขาย หากราคา “ลง” จริง นักลงทุนจะได้กำไร แต่หากราคา “ขึ้น” นักลงทุนจะขาดทุน
- จะสังเกตเห็นว่า Forex นั้น นักลงทุนมีโอกาสในการทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสถานะขึ้นหรือลง
- เทรดเดอร์สามารถออกแบบกลยุทธ์การเทรดได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับสไตล์การลงทุนของแต่ละบุคคล
การเทรด Forex ทำได้ทั้งขึ้นและลง
ใช้เงินลงทุนน้อย
- ตลาด Forex เปรียบเทียบกับการลงทุนชนิดอื่นๆ นั้นถือว่าใช้เงินทุนน้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ ค่อนข้างมาก
- ข้อสังเกตคือ โบรกเกอร์ Forex หลายราย เสนอบัญชีเทรดแบบ “Micro Account” ฝากขั้นต่ำเพียง $5-25 หรือประมาณ 800 บาทเท่านั้น ในการเริ่มต้นเทรด
- ข้อดีของการเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อย
- จำกัดความเสี่ยง: สูญเสียไม่มาก เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่
- เรียนรู้กลยุทธ์: ฝึกฝนเทรด พัฒนาทักษะ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุน
Leverage สูง
- การเทรด Forex นั้นจะมีเครื่องที่เรียกว่า Leverage เป็นเครื่องสำหรับการขยายเงินทุนตามอัตราส่วนที่เลือกใช้
- ตัวอย่างอัตราส่วนของ Leverage ที่พบบ่อย:
- 1:100: เทรด 1 ดอลลาร์ ควบคุมเงินในตลาด 100 ดอลลาร์
- 1:500: เทรด 1 ดอลลาร์ ควบคุมเงินในตลาด 500 ดอลลาร์
- 1:1000: เทรด 1 ดอลลาร์ ควบคุมเงินในตลาด 1000 ดอลลาร์
- ด้วยเงินทุนน้อย เทรดเดอร์ก็มีโอกาสทำกำไรมหาศาลจาก Leverage เหมาะกับกลยุทธ์ที่เน้น Scalping หรือ Day Trading
- แต่ในทางกลับกันเสี่ยงต่อการโดน Margin Call ซึ่งโบรกเกอร์อาจเรียกเก็บเงินเพิ่ม หากเงินในบัญชีไม่เพียงพอ
เทรดฟรี ไร้ค่าคอมมิชชั่น แต่มีสเปรด
- ค่าธรรมเนียมในการเทรด Forex โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่นการเทรด ค่าธรรมเนียมหลักในตลาด Forex คือ “สเปรด” (Spread) เป็น “ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย” ของคู่สกุลเงิน
- ตัวอย่างสเปรด
- EUR/USD: สเปรด 1 Pip หมายความว่า ราคาซื้ออยู่ที่ 1.12345 ราคาขายอยู่ที่ 1.12355
- GBP/USD: สเปรด 5 Pip หมายความว่า ราคาซื้ออยู่ที่ 1.23456 ราคาขายอยู่ที่ 1.23506
- ข้อดีของการไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- ต้นทุนการเทรดต่ำ: เทรดได้บ่อยครั้ง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม
- เปรียบเทียบราคาจากหลายโบรกเกอร์ง่าย: มุ่งเน้นเปรียบเทียบสเปรด เพื่อหาโบรกเกอร์ที่ให้ราคาดีที่สุด
แพลตฟอร์มเทรดดี เข้าถึงข้อมูลง่าย
- แพลตฟอร์มการเทรด Forex ส่วนใหญ่ ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายรองรับระบบที่หลากหลาย เทรดเดอร์ใช้ได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ มีฟีเจอร์ครบครัน
- ข้อมูลข่าวสาร: ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ เหตุการณ์สำคัญ ที่ส่งผลต่อตลาด Forex แบบเรียลไทม์
- เครื่องมือวิเคราะห์: กราฟ อินดิเคเตอร์ เครื่องมือวาดเส้น ครบครัน วิเคราะห์ราคา คาดการณ์ทิศทางตลาด
- ปฏิทินเศรษฐกิจ: ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ กำหนดวันเวลา เหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อตลาด
- บทความวิเคราะห์: บทความ กลยุทธ์ เทคนิคการเทรด จากนักวิเคราะห์มืออาชีพ
- ตัวอย่างแพลตฟอร์มการเทรด Forex ยอดนิยม
- MetaTrader 4: ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ครบครัน รองรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
- cTrader: เน้นการใช้งานง่าย กราฟล้ำสมัย เครื่องมือวิเคราะห์ครบครัน
- Trading View : แพลตฟอร์มสมัยใหม่ ใช้งานง่าย เทรดเดอร์ทั่วโลกนิยมใช้และแบ่งปันข้อมูล
ตัวอย่างแพลตฟอร์มการเทรด
เทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
- ตลาด Forex ขึ้นชื่อเรื่อง “ความสะดวก” เทรดเดอร์มาสามารถเทรดได้ “ทุกที่ทุกเวลา” เพียงมี “อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต”
- เทรดผ่านมือถือ: สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สะดวก รวดเร็ว ติดตามตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา
- เทรดผ่านคอมพิวเตอร์: แล็ปท็อป เดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ ใช้งานสะดวก วิเคราะห์กราฟได้ชัดเจน
- เทรดผ่านเว็บเบราว์เซอร์: สะดวก ไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม รองรับทุกระบบปฏิบัติการ
- แพลตฟอร์มการเทรด Forex หลายราย ได้พัฒนาระบบ “Mobile Trading” รองรับทั้ง iOS และ Android เพื่อความสะดวกในการเทรด
หลากหลายกลยุทธ์ในการเทรด
- เทรดเดอร์สามารถเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์และวิธีที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล
- กลยุทธ์การเทรด Forex ยอดนิยม
- เทรดแบบ Day Trading: เทรดระยะสั้น เข้า-ออกตลาดภายในวัน เน้นทำกำไรเล็กน้อย สะสมเป็นกำไรใหญ่
- เทรดแบบ Swing Trading: เทรดระยะสั้น-ปานกลาง ถือออร์เดอร์หลายวัน อาศัยการวิเคราะห์เทคนิค คาดการณ์แนวโน้มราคา
- เทรดแบบ Position Trading: เทรดระยะยาว ถือออร์เดอร์หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คาดการณ์ทิศทางตลาดในระยะยาว
- เทรดแบบ Scalping: เทรดระยะสั้นมาก เข้า-ออกตลาดภายในไม่กี่วินาที เน้นทำกำไรเล็กน้อย อาศัยความรวดเร็ว แม่นยำ
- ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรด Forex เพิ่มเติม
- เทรดแบบ Breakout: เทรดตามแนวโน้ม รอราคาทะลุกรอบแนวรับ/แนวต้าน
- เทรดแบบ Reversal: เทรดสวนแนวโน้ม รอราคาเปลี่ยนทิศทาง
- เทรดแบบ Carry Trade: เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex มุ่งหวัง “ทำกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย” ของคู่สกุลเงิน
- เทรดแบบ Grid Trading: วางออร์เดอร์ซื้อ-ขายเป็นตาราง กระจายความเสี่ยง รอราคากลับมาที่จุด Break-even
ความหลากหลายกลยุทธ์การเทรด Forex
โอกาสสร้างผลตอบแทนสูง
- ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาด Forex มีโอกาสทำกำไรสูง
- ความผันผวนสูง: ราคาสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง
- สภาพคล่องสูง: ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่าย รวดเร็ว
- ไม่มีข้อจำกัดเวลา: ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ นักลงทุนสามารถเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
- ตัวอย่างผลตอบแทนจากการเทรด Forex
- เทรดเดอร์ A: เทรด EUR/USD ถูกทาง ทำกำไร 10% ภายใน 1 วัน
- เทรดเดอร์ B: เทรด GBP/JPY ผิดทาง สูญเสีย 5% ภายใน 1 สัปดาห์
เปรียบเทียบข้อแตกต่างและข้อได้เปรียบของการเทรด Forex กับการลงทุนอื่นๆ
ลักษณะ | ตลาด Forex | หุ้น | กองทุนรวม | คริปโตเคอร์เรนซี |
โอกาสทำกำไร | สูง | ปานกลาง | ปานกลาง – สูง | สูง |
ความเสี่ยง | สูง | ปานกลาง | ปานกลาง – สูง | สูง |
สภาพคล่อง | สูง | ปานกลาง | ปานกลาง | ต่ำ – สูง (ขึ้นอยู่กับเหรียญ) |
ความผันผวน | สูง | ปานกลาง | ต่ำ – สูง (ขึ้นอยู่กับกองทุน) | สูง |
เวลาทำการ | 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ | ขึ้นอยู่กับตลาดหลักทรัพย์ | ขึ้นอยู่กับกองทุน | 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ |
เลเวอเรจ | มี | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี |
กลยุทธ์ | หลากหลาย | หลากหลาย | หลากหลาย | หลากหลาย |
การเข้าถึง | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย |
ต้นทุนการลงทุน | ต่ำ | ต่ำ | ปานกลาง | ต่ำ |
ความรู้ | จำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ | จำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ | จำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ | จำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ |
การกระจายความเสี่ยง | ยาก | ง่าย | ง่าย | ยาก |
ผลตอบแทนจากเงินปันผล | ไม่มี | มี | มี | ไม่มี |
สรุป
การลงทุนใน Forex นั้นมีความแตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ อยู่มากพอสมควร ในที่นี้การลงทุน Forex ก็มีข้อแตกต่างและข้อได้เปรียบมากมายเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ เช่น การใช้เงินทุนเริ่มต้นที่ต่ำกว่า โอกาสในการทำกำไรที่มากกว่า การเข้าถึงข้อมูล เครื่องมือเทรดอย่าง Leverage ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรด อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งทุกท่านสามารถดูและเปรียบเทียบความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย จากตารางด้านบน โดยทั่วไปแล้วก่อนที่นักลงทุนจะเลือกลงทุนในตลาดใดก็ตามมักจะศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลเชิงลึกถึงข้อได้เปรียบในการเทรด
บทความแนะนำ
ลงทุน Forex ต้องมีระบบของตัวเอง หาจากไหน?
การลงทุน Forex ดียังไง? เปรียบเทียบข้อแตกต่างและข้อได้เปรียบในการเทรด
การใช้ EA ในการลงทุนเทรด Forex : เริ่มต้นยังไง? แบคเทสยังไง? ซื้อ EA ที่ไหน?
การเทรด Forex ในช่วงเวลาของการประกาศข่าวสำคัญ
เข้าใจผลกระทบของนโยบายการเงินต่อตลาด Forex แบบง่ายๆ
แนะนำการเทรด Forex ด้วยเลเวอเรจ ต่ำ ปานกลาง และ สูง
เทรด Forex ลงทุนเยอะไหม กำไรดีแค่ไหน
เทรด Forex ระยะสั้น vs ระยะยาว แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?